รายละเอียดในเรื่องนี้ มาจากการเปิดเผยของสื่อหลายเจ้า หนึ่งในนั้นหมายความสำนักข่าวดัง ที่แนะนำเกี่ยวกับ ต้นทุนค่าไฟ หมายรวมไปถึงวิธีการคำนวณค่าไฟ รู้ไว้ก่อนโดนเอาเปรียบ
จากข่าวเรื่องนี้ เขาระบุไว้ว่า ค่าไฟฟ้า ทำไมแพง มีต้นทุนที่มาจากอะไรบ้าง พร้อมเปิดวิธีคำนวณค่าไฟแบบง่าย คลายข้อสงสัยหลังข่าวการปรับขึ้นค่าเอฟที (Ft) งวดเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2565 เพื่อให้ง่ายต่อการลงมือคำนวณแบบทดสอบ ดูว่าทำไมค่าไฟถึงแพง
เพราะจากที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ การคิดค่าไฟฟ้า และองค์ประกอบค่าไฟฟ้าตามโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า หลังประชาชนเกิดความสงสัยกรณีที่มีการขึ้นค่าไฟฟ้า โดยปรับค่าเอฟที (Ft) งวดเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย คิดเป็นค่า Ft เรียกเก็บงวดเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2565 เท่ากับ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย สรุปว่า ทำไมแพงจัง
เปิดวิธีคำนวณค่าไฟ เหตุใดถึงแพงจัง
ซึ่งองค์ประกอบค่าไฟฟ้า ตามโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าในปัจจุบันประกอบไปด้วย 4 ส่วน จะเป็นดังเช่น
1. ค่าไฟฟ้าฐาน ทบทวนทุก 3-5 ปี ประกอบไปด้วยจะแบ่งเป็น ค่าก่อสร้างโรงไฟฟ้า สายส่งร่วมกับสายจำหน่ายไฟฟ้า, ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ผลตอบแทนที่เหมาะสม หมายรวมไปถึงภาษีเงินได้, ค่าเชื้อเพลิง ค่าซื้อไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ
2. ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ปรับทุก 4 เดือน เพื่อให้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของค่าใช้จ่าย ที่อยู่เหนือการควบคุม เช่น ค่าเชื้อเพลิงและก็ค่าซื้อไฟฟ้า ที่เปลี่ยนแปลงไปจากค่าไฟฟ้าพื้นฐาน หรือ ค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ
3. ค่าบริการรายเดือน ค่าใช้จ่ายในการให้บริการจำหน่ายไฟฟ้า เช่น การจดหน่วย การจัดพิมพ์ จัดส่งบิล รวมไปถึงการบริการ
4. ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
ส่วนนี้ หากจะดูว่า เขาคิดคำนวณค่าไฟฟ้าให้ถูกต้องไหม ดูวิธีคิดคำนวณแบบกล้วย ๆ ที่ทำได้เอง ดังนี้
วิธีคำนวณค่าไฟฟ้า
1. ค่าไฟฟ้าฐาน + ค่าไฟฟ้าผันแปร จะได้ผลลัพธ์ = A
2. จากนั้น นำผลลัพธที่ได้ (A) x กับจำนวนหน่วยไฟฟ้า จะได้ผลลัพธ์ = B
3. ร่วมด้วยนำผลลัพธ์ (B) + ค่าบริการรายเดือน + ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จะได้ผลลัพธ์ = ค่าไฟฟ้าที่แท้จริง
โดยค่าไฟฟ้าที่จ่ายจะแบ่งเป็น 8 ประเภทหลัก ได้แก่ บ้านอยู่อาศัย, กิจการขนาดเล็ก, กิจการขนาดกลาง, กิจการขนาดใหญ่, กิจการเฉพาะอย่าง, องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร, กิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงผู้ใช้ไฟฟ้าชั่วคราว
เหตุที่มีผลให้ค่า Ft เพิ่มขึ้น
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เผยความว่า สาเหตุหลักๆ มาจากสัดส่วนการใช้ Spot LNG ที่เพิ่มสูงขึ้น เพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยรวมถึงพม่าที่ปริมาณลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งความผันผวนของ Spot LNG ในตลาดโลก สรุปได้ดังนี้
1. ปริมาณก๊าซธรรมชาติในประเทศที่ลดลงจากเดิม ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวแบบสัญญาจร (Spot LNG) เข้ามาเสริมหรือเดินเครื่องโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมันเพื่อทดแทนปริมาณก๊าซที่ขาดบวกกับผันผวน ซึ่งมีราคาแพงกว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ดังนั้น การทดแทนก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยด้วย LNG หรือใช้นำมัน จะส่งผลให้ค่าเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
2. การผลิตก๊าซธรรมชาติจากพม่ามีแนวโน้มที่จะไม่สามารถผลิตได้ตามกำลังการผลิตเดิมรวมทั้งมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2565 หมายรวมไปถึงต้นปี 2566 ซึ่งอาจทำให้มีความต้องการนำเข้า LNG มากกว่า ที่ประมาณการไว้เดิม
3. สถานการณ์ผู้ผลิต LNG ชะลอการลงทุน เนื่องมาจากมีความต้องการใช้พลังงานน้อย ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต่อมาในปลายปี 2564 หลายประเทศเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้ LNG มีมากกว่ากำลังการผลิตในตลาดโลก ส่งผลกระทบต่อราคาบวกกับการเจรจาสัญญาซื้อขาย LNG เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2564 และต่อเนื่องตลอดปี 2565 ประกอบกับปี 2566
4. สถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ทำให้รัสเซียลดหรือตัดการจ่ายก๊าซธรรมชาติทางท่อไปยังยุโรป ทำให้ความต้องการ LNG เพิ่มขึ้นอย่างมากในยุโรปแล้วก็ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อราคา LNG ในตลาดเอชีย
กกพ. ได้บริหารจัดการบนพื้นฐานของการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน โดยไม่กระทบต่อศักยภาพการให้บริการพลังงานของผู้ให้บริการหรือ กฟผ. โดยเป็นการปรับให้สะท้อนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นเท่าที่จำเป็น หมายรวมไปถึงยังยึดมั่นในการรักษาความมั่นคงรวมไปถึงมีเสถียรภาพทางพลังงานของประเทศเป็นสำคัญ
อ้างอิง : www.tnnthailand.com/news/wealth/123022/
เรียบเรียงใหม่โดย : วิธีคำนวณค่าไฟ อย่าพลาดเรื่องราวใหม่ ๆ ของเรา ที่เดียว รับโฆษณาสินค้า กับเว็บชุดเดรส เสื้อผ้าเดรส ขอบคุณที่ติดตามเข้ามาอ่าน