ข่านั้น มีมูลค่าในเชิงการค้า นั่นนับได้ว่าเป็นประโยชน์โดยตรงจาก การปลูกข่า ซึ่งก็กล่าวได้ว่าข่านั้นสามารถขายได้ ทั้งข่าอ่อน บวกกับ ข่าแก่ ผู้เขียนเอง ก็เดาว่า ต้องมีตลาดรองรับมากมาย โดยเฉพาะข่าอ่อนแสนอร่อย อยากแนะนำให้เตรียมการปลูก เพื่อผลผลิตข่าอ่อนเข้าสู่ท่องตลาด เนื่องจากปัจจุบัน มีความต้องการสูง อีกทั้ง สามารถให้ผลผลิตได้เลยภายใน 5-6 เดือนเท่านั้น
เพราะราคาดี หมายรวมไปถึงขายง่ายกว่าข่าแก่มาก ส่วนประโยชน์ทางอ้อม สำหรับการปลูกข่า นั้นก็เป็น ระบบการป้องกันแมลง ได้อีกรูปแบบหนึ่ง เพราะหากปลูกแซม หรือ ปลูกข่าดักทิศทางแมลงไว้ ก็จะช่วย ลดการเข้าทำลาย พืชผลอื่น ๆ ของแมลง ได้ด้วยเช่นกัน เพราะแมลงไม่ถูกกับพืชที่มีกลิ่นฉุน
ประโยชน์ทางยาของข่า
เป็นยาร้อน เหง้าแก่ รสเผ็ดปร่า บวกกับรสร้อน สรรพคุณ ช่วยขับลม ให้กระจาย แก้ฟกบวม แก้พิษไข้ ซับโลหิตร้ายในมดลูก ขับลมในลำไส้ รักษาโรคกลากเกลื้อน
ประโยชน์ทางอาหาร การปรุงอาหาร คนไทยทั่วประเทศ รู้จักข่ากันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเหง้าแก่ เหง้าอ่อน ร่วมกับดอกข่า ถือได้ว่าเป็นผัก เหง้าแก่ใช้เป็นเครื่องปรุงรส แต่งกลิ่น รวมทั้งเป็นเครื่องปรุงสำคัญของต้มยำทุกชนิด รวมถึงแกงบางชนิด
ประโยชน์ต่อสุขภาพ เหง้า อ่อนมีรสเผ็ด มีสรรพคุณเป็นยา ขับลมในลำไส้ แก้ปวดมวนไซ้ท้อง ดอกอ่อนก็มี รสเผ็ดกฃเช่นเดียวกัน เหง้าอ่อน 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 20 กิโลแคลอรี่ มีเส้นใย 1.1 กรัม แคลเซียม 5 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 27 มิลลิกรัม เหล็ก 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 0.13 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.15 กรัม ประกอบกับวิตามินซี 23 มิลลิกรัม
จะเห็นได้ชัดเจนว่า ข่า ก็มีประโยชน์มากมาย แถมยังทำรายได้ให้แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่ง นับเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ แถมยังสามารถปลูกติดบ้านไว้ทุกครัวเรือน เพราะข่าเป็นพืชที่ปลูกง่ายไม่ต้องมีการดูแลมาก
ส่วนเหง้าอ่อน ต้นอ่อน รวมทั้งดอกอ่อน นำมารับประทานสดๆ หรือลวกให้สุก ใช้เป็นเครื่องจิ้มกับน้ำพริก เหง้าอ่อนสด ยังสามารถนำไปปรุงเป็นอาหารได้อีกด้วย เช่น ต้มข่าไก่ ตำเมี่ยงข่าไก่ หรือตำเมี่ยงข่า
ติดตามเนื้อหาแนวเป็นข่าก็มีประโยชน์นี้ได้ที่นี่ ข้อมูลเรียบเรียงโดย ข่ามีประโยชน์มากกว่าที่คิด