ปศุสัตว์ แนะเกษตรกรเร่งรีเซ็ตระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมในสุกร GFM- GAP ก่อนลุยเลี้ยงรอบใหม่ พร้อมหนุนสินเชื่อช่วยเต็มที่ หวังฟื้นฟูเกษตรกร ปั๊มหมูเข้าระบบ
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา จากสถานการณ์ราคาหมูเนื้อแดงชำแหละที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง จนถึงระดับ กก.ละ 240 บาท ได้กลายเป็นแรงจูงใจให้ผู้เลี้ยง โดยเฉพาะรายย่อยที่เคยประสบปัญหาโรคระบาด แอฟริกันในสุกร (ASF) กล้าที่จะเสี่ยงกลับมาเลี้ยงใหม่อีกครั้ง
แต่หากไม่ป้องกันให้ดีก็มีโอกาสที่จะทำให้ประเทศไทยแก้ปัญหาการระบาด ASF ได้ช้าลง และยิ่งทำให้ไทยขอคืนสถานะเป็นประเทศ ปลอดโรคจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) ได้ยากขึ้น
การเคลียร์ฟาร์มเลี้ยงหมูรอบใหม่หลังเป็นโรค ASF ทำอย่างไร
น.สพ.โสภัชย์ ชวาลกุล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การฟื้นฟูเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ล่าสุดทางกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินมาตรการยกระดับการสร้างมาตรฐานฟาร์ม โดยกำหนดให้ ผู้ที่ต้องการกลับมาเลี้ยงสุกรที่มีจำนวนตั้งแต่ 500 ตัวขึ้นไปต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP ส่วนผู้ที่มีจำนวนการเลี้ยงไม่เกิน 500 ตัว ให้ปฏิบัติตามมาตรฐานฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมในสุกร (GFM)
เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ดี ที่ถูกต้อง และความพร้อมในการเลี้ยงสุกรใหม่ภายใต้ระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) นั่นหมายความว่าทั้งสองระบบนั้นเกษตรกรต้องแจ้งมาที่กรมปศุสัตว์เราจะมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบประเมินก่อน
โดยเรามีการจัดทำ “เช็คลิสต์” 7 -8 ด้าน แนะขั้นตอนการเลี้ยงหมูรอบใหม่ หลังเป็นโรค ASF ที่ประกอบด้วย
- การจัดพื้นที่เลี้ยงและโครงสร้างการจัดการโรงเรือนหรือเล้าและอุปกรณ์
- การจัดการยานพาหนะ
- การจัดการบุคคล
- การจัดการด้านสุขภาพ
- การจัดการอาหาร น้ำ และยาสัตว์
- การจัดการข้อมูล
- การจัดการสิ่งแวดล้อม
นั่นหมายความว่าเกษตรกรสามารถปฏิบัติตามได้ง่าย ไม่ซับซ้อน และใช้ต้นทุนต่ำ สามารถป้องกัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาด ที่อาจทำให้เกิดความสูญเสียที่เกิดขึ้นเมื่อเกิดโรคระบาดได้ นั่นหมายความว่าหากผ่านทั้งหมดก็สามารถกลับไปเลี้ยงได้
“กรณีที่เกษตรกรประสบปัญหาไม่มีต้นทุนในการดำเนินการตามมาตรฐาน GAP และ GFM ทางภาครัฐได้จัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ 4% ต่อปีจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) มาปล่อยกู้ให้รายละ 1 แสนบาทเบื้องต้นก่อน
แต่หลังจากนี้คาดว่าทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณาอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อมาส่งเสริมการฟื้นฟูเกษตรกร และอนาคตทางกรมจะหาแหล่งทุนอื่นมาเสริมด้วย ส่วนผู้ประกอบการรายใหญ่ในกลุ่มปศุสัตว์ก็ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในเครือข่ายคอนแทร็คฟาร์มมิ่งของตนเองคู่ขนานกันไป”
ในปัจจุบันมีจำนวนเกษตรกร ที่มีสถานะรองรับฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรค และการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสมในสุกร (GFM) ฟาร์มสุกร ภาพรวมทั้งประเทศ 5,684 ฟาร์ม รายย่อย 2,982 ฟาร์ม รายเล็ก 774 ฟาร์ม รายกลาง 962 ฟาร์ม รายใหญ่ 824 ฟาร์ม และไม่ระบุขนาด 74 ฟาร์ม
ติดตามสาระความรู้และเนื้อหาข่าวทันเหตุการณ์ได้จากกระดานข่าวเราที่ dresscodela.com/board/