เปิดหลักเกณฑ์ใหม่ เบี้ยผู้สูงอายุ ใครได้รับสิทธิ ใครไม่ได้บ้าง หากเทียบคุณสมบัติผู้ได้รับสิทธิทั้งฉบับก่อนหน้า-ฉบับใหม่ เปลี่ยนไปอย่างไร ใครรับสิทธิได้ ใครรับสิทธิไม่ได้
เบี้ยผู้สูงอายุยังเป็นเรื่องราวที่เป็นที่ถกเถียงของสังคมไทยอย่างต่อเนี่อง จากการออกระเบียบฉบับใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ที่กำหนดคุณสมบัติล่าสุดของผู้มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยการกำหนดคุณสมบัติใหม่ในครั้งนี้เป็นที่สนใจของสังคมไทยถึงสวัสดิการเบี้ยผู้สูงอายุว่าจะมีหลักเกณฑ์การจ่ายที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมขนาดไหน
หลักเกณฑ์ ประกอบกับคุณสมบัติผู้ที่ได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ แบบเดิม VS แบบใหม่
หลักเกณฑ์เดิม ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการเบิกจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ เมื่อปี 2552 ระบุว่า "ไม่เป็นผู้ได้รับสวัสดิการ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นฯ"
อธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็เช่นนั้นแล้วคือ ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หากไม่ได้รับเบี้ยหวัดบำเหน็จ บำนาญ สามารถรับสิทธิเบี้ยผู้สูงอายุได้ เพียงยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบเกณฑ์ตามเงื่อนไขข้างต้น หากตรงตามหลักเกณฑ์ก็รับเงินได้เลย
หลักเกณฑ์ใหม่ ที่ประกาศล่าสุด เมื่อ 12 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ระบุว่าต้องเป็น "ผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ แก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด"
ซึ่งหลักเกณฑ์ใหม่นี้ จะเปลี่ยนไปจากการที่ให้สิทธิทุกคนที่ไม่ได้รับเบี้ยบำเหน็จ บำนาญของข้าราชการ มาเป็น การให้สิทธิเฉพาะผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอ ตามคุณสมบัติที่คณะกรรมการกำหนดไว้
หากดูรายละเอียดของระเบียบฉบับล่าสุดนั้น แม้ว่าจะมีการระบุบทเฉพาะกาลไว้ว่า หากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ยังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน ให้ใช้ระเบียบการเบิกจ่ายฉบับเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน
คำถามใหญ่ที่ยังเป็นที่สงสัยต่อของสังคมหมายความว่า อะไรเช่นนั้นแล้วคือสิ่งที่จะบ่งบอกว่าผู้ได้รับสิทธินั้นมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งเรื่องนี้ยังคงต้องรอความชัดเจนของคณะกรรมการผู้สูงแห่งชาติ รวมถึงรัฐบาลใหม่ในการกำหนดความชัดเจนนี้ให้เกิดขึ้น
ระเบียบใหม่ ยกเลิกสิทธิได้ แต่ไม่เรียกเงินคืน
อีกหนึ่งข้อสำคัญที่เพิ่มเข้ามาใหม่ความหมาย รายละเอียดกรณีการสิ้นสุดการได้รับเบี้ยยังชีพ กรณีพบว่าไม่มีสิทธิรับ โดยระบุว่า "หากผู้สูงอายุที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แต่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุด้วยความสุจริต ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนรายงานผู้บริหารท้องถิ่นทราบ เพื่อระงับการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อไป โดยยกเว้นการเรียกเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคืน"
นั่นก็หมายความ หากได้รับสิทธิแล้ว หมายรวมไปถึงตรวจสอบภายหลังว่าไม่มีสิทธิรับ จะไม่ได้รับเงินดังกล่าวอีกต่อไป แต่เบี้ยผู้สูงอายุที่ได้รับไปก่อนหน้านี้ หากได้รับโดยสุจริต ไม่มีการทุจริตใด ๆ ก็จะไม่ถูกเรียกคืน
การลงทะเบียนรับสิทธิ เบี้ยผู้สูงอายุ ทำอย่างไร
คุณสมบัติหลัก 3 ข้อพื้นฐาน สำหรับผู้ที่มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ มีดังนี้
- มีสัญชาติไทย
- มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในเขตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- มีอายุ 60 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งได้ยืนยันสิทธิขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์สามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ของปีนั้น แล้วก็เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ในปีถัดไป ก็จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุตั้งแต่เดือนตุลาคมในปีนั้น ๆ โดยสามารถไปลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพด้วยตัวเองได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 พ.ย.ของทุกปี แต่ถ้าเกิดว่าหากลงทะเบียนช้า หรือรอลงทะเบียนเมื่อครบ 60 ปีบริบูรณ์ ก็จะได้รับเงินในปีถัดไป
ทั้งนี้ ผู้สูงอายุสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมของทุกปีเป็นต้นไป โดยจะต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน-1 ตุลาคมของปีนั้น ๆ จึงจะลงทะเบียนล่วงหน้าได้ โดยเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินเบี้ยยังชีพถัดจากเดือนที่มีอายุครบ 60 ปี นั่นก็หมายความว่าเดือนตุลาคมปีนั้น ซึ่งก็เช่นนั้นแล้วคืออายุครบ 60 ปีเต็มในเดือนตุลาคม 2565
อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่เคยลงทะเบียน ต้องทำเช่นไร
สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่เดือน มกราคม-กันยายน 2566 จะมีสิทธิได้รับเงินเบี้ยผู้สูงอายุ 2566 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป (ปีงบประมาณ 2567) โดยเตรียมหลักฐานเพื่อลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ดังนี้
1.กรณีลงทะเบียนด้วยตนเอง
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด
- สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 1 ชุด
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก (ออมทรัพย์) จำนวน 1 ชุด
2.กรณีผู้สูงอายุไม่สามารถไปลงทะเบียนได้ด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารเพิ่มหมายความว่า
- หนังสือมอบอำนาจ (ยื่นแบบฟอร์มให้ติดต่อเจ้าหน้าที่โดยตรง)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับมอบอำนาจ จำนวน 1 ชุด
เรียบเรียงใหม่จากเนื้อหาเรื่อง : และอย่าพลาดเรื่องราวใหม่ ๆ จากทางเรา ที่เดียว
รับโฆษณาสินค้า กับเรา กระดานคุย ชุดเดรส เสื้อผ้าเดรส